6 สิ่งที่นักเรียนนักกีฬาต่างชาติควรจะทราบหากต้องการไปเล่นกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกา
มีหนังอเมริกันมากมายที่สร้างเกี่ยวกับการแข่งขันของทีมกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีการแข่งขันชิงถ้วยระดับแชมเปี้ยนชิฟ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความทุ่มเทและความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของคนในทีม โดยส่วนมากแล้วจะเป็นกีฬาประเภททีมที่คนอเมริกันให้ความสนใจมากๆ เช่น อเมริกันฟุตบอล บาสเก็ตบอล ฮอกกี้ เบสบอล แต่ในความเป็นจริงแล้ว การแข่งขันกีฬาในระดับมหาวิทยาลัย เป็นส่วนสำคัญอย่างมากของชีวิตในมหาวิทยาลัยในอเมริกา และไม่ได้จำกัดอยู่แค่กีฬาที่คนอเมริกันนิยมเท่านั้น แต่ยังมีกีฬาชนิดอื่นๆที่ทำการแข่งขันในระบบมหาวิทยาลัยของอเมริกา (ดูที่นี่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดกีฬาที่มีการแข่งขันในมหาวิทยาลัยในอเมริกา) โดยระบบมหาวิทยาลัยในอเมริกาเอื้อประโยชน์ให้กับนักกีฬาเยาวชนเป็นอย่างมาก เพราะนักเรียนนักกีฬาจะมีโอกาสได้รับการศึกษาระดับปริญญาตรีในขณะที่ยังสามารถเข้าร่วมแข่งขันในระดับสูงโดยไม่ต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และยังช่วยให้นักกีฬาได้มีโอกาสค้นพบตัวเองว่า เค้าสามารถไปได้ไกลแค่ไหนหากต้องการเดินในเส้นทางนักกีฬาอาชีพ ในประเทศอื่นๆ นักกีฬาต่างชาติอาจจะรู้สึกว่ามีข้อจำกัดในการเล่นให้ทีม หรือสโมสรที่สงวนสำหรับนักกีฬาชาตินั้นๆ หรือการแข่งขันกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยที่จัดการแข่งขันแค่ปีละไม่กี่วัน ดังนั้น ระบบการแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นเหมือนฝันที่เป็นจริงที่ไม่มีข้อกำหนดกีดกันนักกีฬาต่างชาติ และมีการแข่งขันตลอดทั้งปี แล้วเราจะก้าวเข้าไปสู่ในโลกมหัศจรรย์นี้ได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ 6 ข้อที่นักเรียนต่างชาติทุกคนควรจะทราบหากต้องการเข้าไปเล่นกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกา
1. ระบบกีฬาในมหาวิทยาลัยในอเมริกา
ระบบกีฬาในมหาวิทยาลัยมีการจัดลำดับโดยการใช้ Division โดย Division I (DI) จะเป็นดิวิชั่นที่มีการแข่งขันเข้มข้นมากที่สุด นักเรียนนักกีฬาหลายคนตั้งเป้าหมายที่จะเล่นให้กับมหาวิทยาลัยใน DI แต่จริงๆแล้วมันก็มีเหตุผลดีๆ หลายอย่างที่ควรพิจารณามหาวิทยาลัยใน Division II หรือ Division III เช่น โอกาสที่มากขึ้นในการได้รับทุน หรือ ความเข้มข้นของการแข่งขันในลีคที่น้อยลงทำให้นักเรียนมีเวลามากขึ้นในการเรียน สังคมและ ประสบการ์ณการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยแบบอเมริกัน มหาวิทยาลัยในอเมริกามีทีมกีฬาหลากหลายชนิดตั้งแต่กีฬาที่เล่นเป็นทีมที่ได้รับความนิยมมากเช่น อเมริกันฟุตบอล บาสเก็ตบอล ฟุตบอล และเบสบอล จนกระทั่งกีฬาที่เป็นกีฬาชนิดเล่นเดี่ยว เช่น เทนนิส โบว์ลิ่ง กอล์ฟ และยิมนาสติก ซึ่งกีฬาทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นกีฬาแบบเดี่ยวหรือทีมจะคิดคะแนนและจัดการแข่งขันแบบทีม ดังนั้นโค้ชมักจะค้นหาและคัดเลือกนักกีฬาที่ความสามารถทางด้านกีฬาที่โดดเด่นเข้าร่วมทีม แต่ในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ โค้ชมักจะไม่มีงบประมาณในการเดินทางไปค้นหาหรือคัดเลือกนักเรียนต่างชาติ ดังนั้นสิ่งที่นักเรียนนักกีฬาต่างชาติที่ต้องการไปเล่นกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกาต้องทำก็คือ นักเรียนจะต้องรู้จักประชาสัมพันธ์ตัวเองเพื่อให้โค้ชในอเมริกาได้รับรู้ถึงความสามารถของเราเพื่อให้เค้าคัดเลือกเราเข้าร่วมทีม
2. ความสามารถทางด้านกีฬา
โค้ชมหาวิทยาลัยในอเมริกามองหานักกีฬาที่ดีที่สุดที่เค้าคิดว่าจะมาช่วยสร้างเสริมให้ทีมของเค้าแกร่งที่สุด ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องทำให้โค้ชในอเมริการู้จักเราให้ได้ หากนักกีฬามี Ranking ในระดับนานาชาติ หรือ ระดับภูมิภาคแล้ว บางทีโค้ชอาจจะรู่้จักนักกีฬาแล้วก็ได้ ดังนั้นหากน้องๆ ได้รับการติดต่อจากโค้ช หรือจากทีมกีฬาในมหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องตกใจ หากนักกีฬาสนใจจะเข้าร่วมทีม ก็อย่าลืมตอบอีเมล์ของโค้ชทันทีนะคะ อย่าทิ้งเวลาไว้เนิ่นนาน เพราะโค้ชอาจจะพิจารณานักกีฬาเป็นร้อยๆ คน หรือมีคนเป็นพันๆ คนที่สนใจเข้าร่วมทีม และหากเราไม่ตอบโค้ช เค้าก็อาจจะหันไปสนใจคนอื่นที่กระตือรือล้นอยากเข้าร่วมทีมมากกว่าเรา แต่การที่โค้ชจะมาติดต่อเราเองนั้น ค่อนข้างยากสำหรับนักกีฬาในเมืองไทย ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่นักกีฬาต้องทำคือ นักกีฬาต้องติดต่อโค้ชหรือมหาวิทยาลัยไปเอง จำไว้นะคะ สำหรับนักกีฬาแล้ว โค้ชจะเป็นคนแรกที่เราจะต้องติดต่อไปหา ดังนั้นเราควรจะสร้างความประทับใจให้โค้ชเห็นความสามารถในตัวเราที่แท้จริง อย่างพูดอะไรเกินความจริง และอย่าถ่อมตัวมากเกินไป น้องจะต้องส่งข้อมูลประวัติส่วนตัว ทักษะทางด้านกีฬา ผลงานความสำเร็จในการแข่งขัน สร้างวิดีโอโชว์ถึงความสามารถ (Resume) โค้ชหลายๆ คนใช้ Youtube ในการหานักกีฬา ดังนั้นหากนักกีฬามี Video Profile ของตัวเองใน Youtube ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้น้องๆ ถูกค้นพบมากขึ้น
3. หน่วยงานที่กำกับดูแล
ในการแข่งขันกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกา มีหน่วยงานที่ดูแลกำกับการเล่นกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยให้มีความโปร่งใส และปกป้องผลประโยชน์ของนักเรียนนักกีฬาอยู่ 2 หน่วยงานที่สำคัญ คือ The National Collegiate Athletic Association หรือ NCAA และ The National Association for Interscholastic Athletics หรือ NAIA โดยทั้ง 2 หน่วยงานมีความแตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียดเรื่องกฏระเบียบ ข้อกำหนดต่างๆ สำหรับนักเรียนนักกีฬาที่เกี่ยวข้องกับผลการเรียนเป็นส่วนมาก เช่น เกรดเฉลี่ย ผลสอบต่างๆ วิชาบังคับ ฯลฯ ซึ่งหากนักกีฬาไม่ผ่านข้อกำหนดต่างๆเหล่านี้ นักกีฬาจะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยที่ลีคเหล่านี้ดูแลได้ สิ่งแรกที่นักเรียนนักกีฬาควรจะทำก็คือ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏข้อบังคับต่างๆ ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อวางแผนการเรียนตั้งแต่ก่อนนักเรียนขึ้นมัธยมปลาย หรือ เกรด 9 หรือ ม. 3 และจากนั้นนักเรียนควรจะไปลงทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในลีคที่นักเรียนต้องการเข้าไปเล่นเพื่อให้ได้หมายเลขประจำตัวมา หมายเลขประจำตัวนี้จะช่วยให้โค้ชเห็นว่า เราสามารถเข้าร่วมทีมและแข่งให้กับทีมได้โดยไม่มีปัญหากับหน่วยงานที่กำกับดูแลลีคนั้นๆ จำไว้นะคะ ในขณะที่ผลงานด้านกีฬานั้นสำคัญ แต่ผลการเรียนของน้องๆ ก็สำคัญมากเช่นกัน หากน้องๆ ไม่ผ่านเกณฑ์ด้านการเรียนที่กำหนดไว้ของแต่ละลีค น้องก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเล่นในลีคนั้นๆค่ะ
4. ด้านการเรียน
NCAA ได้มีข้อกำหนดด้านการเรียนที่ชัดเจนสำหรับนักเรียนนักกีฬาในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งคลอบคลุมทั้งในเรื่องผลการเรียนในวิชาบังคับ เกรดเฉลี่ย และนอกจากผลการเรียนแล้ว ยังกำหนดเรื่องทุนที่จะให้สำหรับนักเรียนนักกีฬาซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละ Division ทั้ง NCAA และมหาวิทยาลัยยึดถือกฏเหล่านี้อย่างเคร่งครัด นักเรียนนักกีฬาจำเป็นจะต้องมีผลการเรียนที่เหมาะสมในวิชาบังคับของคณะที่น้องๆ เลือกเรียน ดังนั้นจึงสำคัญมากที่น้องๆจะต้องเลือกมหาวิทยาลัยและเลือกคณะให้เหมาะสมกับความสามารถทางด้านการเรียนของน้องๆ และคณะที่น้องๆเลือกเรียนนั้นต้องเป็นคณะที่น้องๆชอบหรือให้ความสนใจมากพอที่น้องๆจะใส่ใจในการเรียนให้ประสบความสำเร็จ จำไว้นะคะ มหาวิทยาลัยส่วนมากมักจะกำหนดให้นักเรียนนักกีฬ่าต้องฝึกซ้อมกีฬาอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้น น้องๆจะต้องรู้จักแบ่งเวลาสำหรับการเรียนและการฝึกซ้อม และอีกอย่างนะคะ การเข้าไปเล่นในทีมในมหาวิทยาลัยนั้น ไม่ใช่แค่โค้ชที่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถด้านกีฬา เรายังต้องแสดงให้มหาวิทยาลัยเห็นด้วยว่าเรามีความสามารถที่จะเรียนและประสบความสำเร็จในคณะในมหาวิทยาลัยนั้นๆด้วย ซึ่งปกติแล้ว มหาวิทยาลัยมักจะมีข้อกำหนดด้านการเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนนักกีฬาในการรับนักเรียนใหม่ ซี่งอาจจะน้อยหรือมากกว่านักศึกษาปกติขึ้นอยู่กับนโยบายของมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม น้องๆ ก็ยังต้องส่งรายงานที่เกี่ยวกับความสามารถทางการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัยอยู่ดี เช่น Transcript ผลสอบ TOEFLหรือผลสอบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษอื่นๆ ผลสอบ SAT หรือ ACT และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเรียน อย่างที่กล่าวไปนะคะ หากต้องการเล่นกีฬาในระดับมหาวิทยาลัย ต้องวางแผนเรื่องการเรียนตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ สิ่งนี้สำคัญมากค่ะ
5. งบประมาณ
นักกีฬาเยาวชนอเมริกันหลายๆคนมักโตมาพร้อมความฝันที่จะได้รับทุนกีฬาในมหาวิทยาลัย นักกีฬาที่มีผลงานโดดเด่นในระดับเยาวชน หรือ ระดับมัธยมที่ทำลายสถิติระดับประเทศล้วนแต่หวังว่าที่จะได้รับการเสนอทุนแบบเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัยใน Division I ที่มีชื่อเสียงในกีฬาชนิดนั้นๆ ซึ่งจริงๆแล้ว การให้ทุนแบบเต็มจำนวนนั้น เป็นไปได้แต่ก็ไม่ได้เป็นไปได้สำหรับนักเรียนนักกีฬาทุกคน ปกติแล้วนักเรียนนักกีฬาจะได้รับทุนเป็นบางส่วนขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละมหาวิทยาลัยและปกติทุนพวกนี้จะเสนอให้นักกีฬาที่มีผลงานดีเด่นถูกใจโค้ชโดยไม่จำกัดแค่นักกีฬาในอเมริกา ดังนั้น นักกีฬาต่างชาติอย่างเราก็มีสิทธินะคะ หากมีผลงานถูกใจโค้ช มหาวิทยาลัยส่วนมากมักจะให้ทุนเป็นค่าเทอม ไม่ว่าจะเป็นบางส่วน หรือทั้งหมด และไม่เพียงแค่นั้น หลายๆ มหาวิทยาลัยยังให้สนับสนุนนักกีฬาในแง่ของอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์การฝึกซ้อม สถานที่ฝึกซ้อม เช่น กอล์ฟ มหาวิทยาลัยส่วนมากก็จะสมัครสมาชิกสนามกอล์ฟให้นักกีฬาในสนามที่สะดวกในการฝึกซ้อม และบางมหาวิทยาลัยถึงขนาดออกค่าหนังสือ และอุปกรณ์การเรียนให้แก่นักกีฬาของเค้า นักเรียนนักกีฬาอาจจะได้รับสิทธิในการพักในมหาวิทยาลัย ซึ่งบางแห่งอาจจะเสนอให้นักกีฬาพักโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนที่เราจะตกลงตอบรับทุนกีฬามหาวิทยาลัยใดๆ นักเรียนนักกีฬาควรจะทราบถึงจำนวนทุนที่เราจะได้รับ และจำนวนเงินที่เราจะต้องจ่ายในแต่ละปีก่อนเพื่อจะได้พิจารณาว่า เรามีความสามารถที่จะจ่ายเงินค่าเรียนไปจนจบการศึกษาหรือไม่
6.อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การที่เราจะเข้าไปเล่นกีฬาระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกาได้ มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา ทั้งเรื่องความสามารถด้านกีฬา ด้านการเรียน ด้านสังคมและงบประมาณ นักเรียนนักกีฬาต้องพิจารณาเลือกมหาวิทยาลัย ทีม ที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยเฉพาะเราเป็นนักกีฬาต่างชาติ เราต้องไปอยู่ในต่างประเทศที่เราแทบจะไม่รู้จักใครเป็นเวลา 4 หรือ 5 ปี ดังนั้น เราควรจะเลือกมหาวิทยาลัย หรือทีมที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จทั้งในด้านกีฬาและการเรียน และในเมืองที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย และมีความสุขในการใช้ขีวิต รวมทั้งมีความเหมาะสมกับงบประมาณของเราด้วย หากเราเลือกมหาวิทยาลัยที่ไม่เหมาะสม เช่น เรียนยากเกินไป ทีมที่เข้าไปอยู่เก่งหรืออ่อนเกินไป ทำให้ไม่มีโอกาสได้เล่นเป็นตัวจริง หรือไม่มีโอกาสชนะทีมอื่นเลยซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสในการแข่งขันลดลง หรืองบประมาณไม่พอที่จะเรียนจบจบถึงแม้จะได้ทุนบางส่วน หรือไปอยู่ในเมืองที่เราไม่ชอบ เช่น เมืองที่เล็กเกินไปทำให้เบื่อ หรือ เมืองที่ใหญ่เกินไปทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ก็จะทำให้น้องๆ มีปัญหาในขณะเรียน หรือทำให้น้องไม่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านกีฬาและการเรียนอย่างที่หวังไว้ได้ค่ะ จำไว้นะคะ การเลือกมหาวิทยาลัยให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก หากเราเลือกมหาวิทยาลัย หรือทีมที่เกินความสามารถเรา เราก็อาจจะไม่ได้คัดเลือกเข้าไปเล่นเป็นตัวแทนให้ทีม หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ โค้ชจะไม่เลือกเราเข้าทีมเลย ทำให้เราเสียโอกาสเข้าไปเล่นในทีมที่เหมาะสมกับเรา แต่หากเราเลือกเข้ามหาวิทยาลัยหรือทีมที่อ่อนเกินไป ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่เราคงจะเสียโอกาสในการท้าทายตนเองและเข้าร่วมการแข่งขันในระดับที่ดีกว่านี้ อย่ายึดติดกับ Division หรือ ลีค บางทีทีมที่อยู่ใน NAIA ทีแข็งแกร่งบางทีม อาจจะมีโปรแกรมเทรนกีฬาและโอกาสในการเล่นในระดับแชมเปี้ยนชิพมากกว่า ทีมที่อยู่ใน NCAA Division I ที่อยู่ท้ายๆตารางก็เป็นได้
หากสนใจบริการ จัดหาทุนมหาวิทยาลัยสำหรับนักกีฬา หรือทุนสำหรับนักเรียนปกติ ติดต่อเราได้นะคะ